CHAPTER 01 | ก้าวแรก
บ้านเลขที่ 186 สถานที่ที่รวบรวม ความหวัง ความฝัน ของแฟนบอลในจังหวัดสงขลา ที่ก้าวขึ้นมาจากความว่างเว้นที่ยาวนานของฟุตบอลลีกอาชีพในจังหวัดสงขลา ภายหลังจากการยุบทีม “สงขลา ยูไนเต็ด”
186 เป็นบ้านเลขที่ของ “ที่ทำการสโมสรสงขลา เอฟซี” ภายหลังจากเลื่อนชั้นมาในฤดูกาล 2019 จากลีกสมัครเล่นอย่าง “Thailand Amateur League” ภายหลังจากการก้าวขึ้นมาสู่ลีกอาชีพเป็นครั้งแรกของสโมสร ในฐานะน้องใหม่เฟรชชี่ปี 1 สงขลา เอฟซี ในยุคใหม่ที่มีโลโก้เป็นนางเงือก ได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนบอลในจังหวัดสงขลา ว่า “ทำจริงไหม” “มีการเมืองแอบแฝงรึเปล่า” อีกทั้งยังถูกจับตาโดยสโมสรฟุตบอลมหาอำนาจเก่าในโซนใต้ ที่มองว่า ทีมนี้คือทีมอะไร มาจากไหน มีเป้าหมายอย่างไร
แน่นอนว่า เป้าหมายของ “เงือกสมิหลา” เคยประกาศอย่างชัดเจนไปตั้งแต่การสร้างสโมสร คือ การก้าวขึ้นสู่ “ไทยลีก” แต่กว่าจะก้าวไปถึงตรงนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คุณต้องพบต้องเจออุปสรรคมากมาย ทั้งในสนามและนอกสนาม ที่พร้อมจะถาโถมเข้ามายังสโมสรแห่งนี้ตลอดเวลา การสร้างสโมสรขึ้นมา ภายใต้แรงกดดันและการคาดหวัง การเปรียบเทียบของแฟนบอลในจังหวัดสงขลา ที่นำทีมนี้ไปเทียบเคียงกับ “สงขลา ยูไนเต็ด” หรือ “วัวชน ยูไนเต็ด” ที่เคยโลดแล่นในลีกสูงสุด เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และต้องพร้อมที่จะรับคำวิจารณ์ ที่พูดกันต่างๆ นานา หากคุณสามารถทำขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ก็รอด แต่ถ้าไม่… คุณเตรียมตัวโดนยำเละได้เลย
การนำทีมเลื่อนจากลีกสมัครเล่นสู่ลีกอาชีพในปี 2019 ของ “โค้ชเหน่ง” สัมพันธ์ โยธาทิพย์ โค้ชเก๋ามากความสามารถ ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกของสโมสร แม้ว่าในปี 2018 จะสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งแบบไม่เป็นท่า ในรายการ Thailand Amateur League 2018 ที่ตกรอบแบ่งกลุ่ม กระแสในเวลานั้นก็ถูกวิจารณ์ยับเยินไม่มีชิ้นดี แต่บอร์ดบริหารยังให้โอกาสโค้ชเหน่งทำต่อไป แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณมากมายในการเตรียมทีมต่อไปอีก 1 ปีเต็ม!! แต่ท้ายที่สุดก็สโมสรประสบความสำเร็จในก้าวแรก
ย้อนไปหลังจากเลื่อนชั้นจากลีกสมัครเล่นขึ้นมาสู่ไทยลีก 4 โซนใต้ ทางสมาคมฟุตบอลและไทยลีก ต้องให้สโมสรจัดทำ Club Licensing หรือใบอนุญาตลงทำการแข่งขันลีกฟุตบอลอาชีพ ตามเกณฑ์ระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ซึ่งจะมีหัวข้อและมาตรฐานต่างๆ มากมาย โดยหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญคือ “หัวหน้าผู้ฝึกสอน” ซึ่ง ณ ขณะนั้น ทางสมาคมฟุตบอลมีเกณฑ์สำคัญ คือ “หัวหน้าผู้ฝึกสอน” ต้องมี AFC C License (หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ฝึกสอนมืออาชีพ สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย) เป็นอย่างต่ำ ในตอนแรกสโมสรได้ส่งชื่อของโค้ชเหน่งพร้อมแนบใบประกาศของโค้ชไปเรียบร้อย แต่ทางสมาคมฟุตบอลปฏิเสธหัวข้อดังกล่าว และแจ้งมาที่สโมสรว่าตัวใบประกาศ หรือ License มันไม่ผ่าน ทางสโมสรได้มีการสอบถามไปทาง “โค้ชเหน่ง” เกี่ยวกับใบประกาศดังกล่าวว่ามีข้อผิดพลาดอย่างไร ทางโค้ชก็ได้แจ้งกลับมาที่สโมสรว่า ที่ส่งไปให้ คือ C-License จริงๆ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า C-License ที่โค้ชเหน่งมี กับที่สมาคมต้องการ มันคนละตัวกัน ทางโค้ชจะมีตัวที่ออกโดยกรมพละ ซึ่งเป็นประกาศแบบเก่า ที่ต้องมีการสอบเทียบใหม่กับทางสมาคม แน่นอนว่ามันไม่ทัน Deadline ส่งเอกสารของสมาคม และAFC เพราะหากโค้ชเหน่งจะสอบเทียบ มันต้องรอเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะมีการเปิดสอบ และกว่าจะได้ใบประกาศคงใกล้จบฤดูกาลพอดี
ตอนนั้นมีการเสนอให้เอา AFC C-License ของ “บังชัย” ไชยรัตน์ หมัดศิริ ที่ขณะนั้นได้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นผู้เล่นคนใหม่ของสโมสร โดยให้ใช้ใบประกาศของบังชัยสวมทับไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ทางสโมสรมีการปฏิเสธแนวความคิดดังกล่าวทันที เพราะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควร ถึงแม้ว่า ณ ขณะนั้น มีสโมสรอาชีพหลายทีม ได้ทำการสวมสิทธิ์ License มากมาย กล่าวคือ ใช้หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่ไม่มี AFC-License คุมทีม แต่ในระบบของ AFC เป็นชื่อของหัวหน้าผู้ฝึกสอนอีกคน ที่ไม่เคยอยู่ที่สนามซ้อม หรือ บนม้านั่งสำรอง แสดงออกให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ความคิดดังกล่าวตกไปในที่สุด
ท้ายที่สุด…สโมสรต้องหาทางออกอย่างเร่งด่วน เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ในการส่งเอกสารสำคัญ น้องใหม่เฟรชชี่กับสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอ จึงมองไปที่ “โค้ชโดนัท” อัคถภรณ์ ชลิตาภรณ์ วิทยากรหนุ่มไฟแรงจากสมาคมฟุตบอล โค้ชระดับดีกรี AFC Pro-License (ใบประกาศระดับสูงสุด สามารถคุมสโมสรอาชีพเล่น AFC Champion League ได้) โดยเขาเคยคุมสโมสรไทย ฮอนด้า (2017-2018) ถือว่าเป็นโค้ชหน้าใหม่ในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะแดนใต้ !! ลีกภูมิภาคที่มีความแตกต่างจากภาคอื่นๆ
SONGKHLA FC ขอเปิดตัวโค้ชโดนัท “อัคถภรณ์ ชลิตาภรณ์” เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ สู้ศึกไทยลีก 4 ฤดูกาล 2019/2020 อย่างเป็นทางการ พร้อมมอบสัญญา 2 ฤดูกาล … เริ่มต้นลีกฟุตบอลอาชีพครั้งแรกของสโมสร